"The Miracle of The Andes"
ประเภท Biographical Survival Drama กำกับโดย Frank Marshall เขียนบทโดย John Patrick Shanley บทภาพยนตร์อ้างอิงจากหนังสื อ "Alive : The Story of the Andes Survivors" ซึ่งเขียนโดย Piers Paul Read นำแสดงโดย Ethan Hawke, Vincent Spano, Josh Hamilton ปี 1993
VIDEO
ภาพยนตร์ที่สร้างจากเหตุการ ณ์จริงในปี 1972 นักกีฬารักบี้เยาวชนชาวอุรุ กวัยของทีม Old Christians เดินทางด้วยเครื่องบินพร้อม ญาติๆ และลูกเรือรวม 45 คนเพื่อไปแข่งขันรักบี้ที่ป ระเทศชิลี พวกเขาออกเดินทางจากสนามบิน Carrasco ประเทศอุรุกวัย และต้องบินเลาะเทือกเขาแอนด ีสไปลงที่สนามบิน Pudahuel เมืองซานติอาโก้ ประเทศชิลี แต่ด้วยสภาพอากาศที่แปรปรวน อย่างหนักจนเครื่องบินไม่สา มารถพยุงตัวอยู่กลางอากาศได้ ทำให้เครื่องบินลดระดับลงต่่ำเรื่อยๆ จนชนกับภูเขาขาดเป็นสองท่อน และตกลงบนเทือกเขาแอนดีส ที่ปกคลุมด้วยหิมะอันหนาวเห น็บแบบสุดขั้ว นักบินและนักกีฬาบางส่วนตาย ในทันที ส่วนคนที่รอดมาได้ ก็ต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่ หนาวเหน็บ อุณหภูมิติดลบ และมีพายุหิมะ พวกเขาไม่มีอาหารและน้ำ ไม่มีเครื่องนุ่งห่มสำหรับอ ากาศหนาว ต้องหลบอยู่ในซากเครื่องบิน ที่เหลือแต่ส่วนลำตัวเครื่อ ง ประทังชีวิตด้วยช็อคโกแลตที ่มีอยู่เพียงเล็กน้อย และกินน้ำที่ได้จากการละลาย หิมะ เมื่อมีคนตายเพิ่ม พวกเขาก็ขนศพออกไปไว้ข้างนอ ก และฝังไว้ใต้หิมะ ในตอนแรกพวกเขาหวังว่าจะติด อยู่บนเขานี้เพียงแค่หนึ่งว ันหรือสองวันเท่านั้น เพราะหวังว่าจะต้องมีหน่วยกู้ภัยมาช่วยเหลือ แต่หลังจากเครื่องตกได้สิบว ัน ความหวังว่าจะมีคนมาช่วยก็ส ิ้นสุดลง เมื่อคนที่เป็นหัวหน้าทีมรั กบี้ จับความจากเสียงวิทยุได้ว่า ทางการได้ยุติการค้นหาแล้ว เพราะไม่คิดว่าจะมีผู้รอดชี วิต! ความหิวทำให้ร่างกายพวกเขาอ่อนแอลงจนถึงขั้นอันตราย พวกเขาจึงมีความคิดใหม่ คือการนำศพของคนที่ตายไปแล้ วมาเป็นเสบียง โรเบอร์โต คาเนสซาและนันโด ปาร์ราโด ซึ่งเป็นเหมือนผู้นำในตอนนั ้น ยืนยันว่าพวกเขาต้องกินอาหา รถึงจะมีชีวิตรอดไปได้ และอาหารเพียงอย่างเดียวที่ หาได้ตรงนั้นก็คือ ศพของเพื่อนๆ ของเขาเอง ที่ถูกฝังไว้ใต้หิมะ คิดดูว่า มันยากแค่ไหนในการต้องกินเน ื้อคน และยากแค่ไหนในการต้องกินเน ื้อคนดิบๆ! แถมศพนั้นยังเป็นเพื่อนตัวเ องอีกด้วย [ส่วนนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ] 60 วันหลังจากเครื่องบินตก นันโด คาเนสซา และอันโตนิโอ วิซินติน (ตินติน) ออกเดินไปเพื่อขอความช่วยเห ลืออีกครั้ง หลังจากพยายามทำมาหลายครั้ง ทั้งสามเดินข้ามเขาไปหลายลู ก แต่หลังจากเดินมา 10 วันก็ยังเห็นแต่ภูเขา ไม่มีวี่แววจะเจอบ้านคน อีกทั้งเสบียงอาหารก็เริ่มน้อยลง วิซินตินมอบเสบียงส่วนของตั วเองให้กับอีกสองคน แล้วกลับไปยังซากเครื่องบิน แต่นันโดรู้ดีว่า เขาหันหลังกลับไม่ได้อีกแล้ ว หากเขากลับไป จะไม่มีโอกาสมาอีก จะต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้ น... หนังสร้างมาจากคำบอกเล่าของ ผู้รอดชีวิตที่ถ่ายทอดไว้ใน หนังสือ เรื่องจึงค่อนข้างตรงกับเรื ่องจริง บทภาพยนตร์เขียนได้กระชับดี ไม่ยืดยาด ไม่ดราม่าฟูมฟาย และไม่ขายความหดหู่มากจนเกิ นไป แต่หนังได้เน้นในเรื่องของ ภาวะความเป็นผู้นำในยามวิกฤ ต เรื่องความพยายามและความอดท นของผู้รอดชีวิต ที่แม้จะผ่านไปสักกี่วัน ก็ไม่ยอมทิ้งความหวังที่จะม ีชีวิตอยู่ต่อไป เหมือนที่นันโดพยายามพูดปลุ กใจคาเนสซา ที่อยู่ในสภาพหมดกำลังใจหลั งจากต้องอยู่บนเขามาถึง 70 วัน ให้ฮึกเหิมอีกครั้ง เพื่อเดินหน้าต่อไปด้วยระยะ ทางไม่ต่ำกว่า 50 ไมล์ (ที่เขาคิดตอนนั้น) ท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บส ุดขั้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็ นไปได้เลย เมื่อได้ดูและได้อ่านสารคดี เรื่องราวของพวกเขา ก็กลับมาคิดได้ว่า ปัญหาชีวิตที่เราเจออยู่ทุก วันนี้ มันเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกั บสิ่งที่นันโดและเพื่อนๆ ของเขาได้ประสบมาเมื่อ 40 ปีก่อน
.....