The Voices of a Distant Star


"พวกเราดูเหมือน คู่รักที่ถูกอวกาศและโลกพรากให้ต้องจากกันเลยนะ"




ประเภท Animation Sci-Fi Romance
เขียนบทและกำกับโดย Makoto Shinkai
ปี 2002



ภาพยนตร์แอนิเมชัน ไซไฟ-โรมานซ์ ขนาดสั้นจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีความยาวเพียง 25 นาที
เรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง มิคาโกะ และ โนโบรุ ซึ่งเป็นคู่รักกันตั้งแต่สมัยมัธยมต้น หลังเลิกเรียนทั้งสองมักกลับบ้านด้วยกันเสมอ แวะซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ หรือแวะหลบฝนกันที่ป้ายรถประจำทาง โนโบรุมักจะปั่นจักรยานพามิคาโกะยืนซ้อนท้ายเกาะบ่าของเขา โดยมีสายลมเย็นสดชื่นพัดผ่านใบหน้าของเธอ

ต่อมา มิคาโกะได้รับเลือกให้เข้าร่วมโครงการฝึกฝนนักบินเพื่อประจำการยังกองกำลังอวกาศ ที่ก่อตั้งโดยสหประชาชาติ เพื่อปกป้องโลกจากการรุกรานของสิ่งมีชีวิตต่างดาว ซึ่งถูกขนานนามให้ว่า ทาร์เซียน (Tharsian) ตามชื่อซากสิ่งก่อสร้างที่ปล่องภูเขาไฟ Tharsis บนดาวอังคารที่คณะนักสำรวจของโลกถูกพวกต่างดาวโจมตีเป็นครั้งแรก
มิคาโกะได้เข้าประจำการในกองยานที่ชื่อ ลิซิเธีย ส่วนโนโบรุนั้นก็เข้าเรียนต่อมัธยมปลาย

ทั้งคู่ติดต่อกันด้วยอีเมลผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ที่มีให้บริการสำหรับลูกเรือทุกคนในยาน มันกลายเป็นช่องทางเดียวที่มิคาโกะจะติดต่อกับโนโบรุได้
ยิ่งมิคาโกะเดินทางห่างจากโลกมากเท่าไหร่ ระยะเวลาที่เมลจะส่งถึงโนโบรุก็ใช้เวลามากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเหมือนเป็นบทพิสูจน์ความรักของทั้งสองคน กับระยะทางและเวลาที่แสนโหดร้าย

หลังจากเกิดการเผชิญหน้าครั้งแรกกับทาร์เซียนที่มีจำนวนมากกว่าอย่างมหาศาลที่วงโคจรดาวพลูโต กองยานก็ได้ทำการวาร์ปหนีไปตั้งหลักที่ขอบนอกสุดของระบบสุริยะ จากนั้นกองยานก็เดินทางต่อไปยัง ระบบดาวฤกษ์ซิริอุส ซึ่งระยะทางระหว่างระบบดาวซิริอุสกับโลกนั้น ห่างกันถึง 8.6 ปีแสง!...

สัญณาณวิทยุที่ใช้สื่อสารระหว่างสถานีควบคุมบนโลกกับยานสำรวจในระบบสุริยะ ต่างเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เดินทางด้วยความเร็วเท่ากับแสง คือ 186,000 ไมล์/วินาที เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นว่าแสงเดินทางเร็วแค่ไหน ตัวอย่างเช่น โลกอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ 93,000,000 ไมล์ แสงจึงต้องใช้เวลาเดินทาง 500 วินาที หรือ 8 นาที ดวงอาทิตย์ที่เราเห็นอยู่ จึงเป็นภาพในอดีตของดวงอาทิตย์เมื่อ 8 นาทีที่แล้ว ดังนั้น ในอวกาศที่ระยะทางห่างไกลกันมากๆ จึงไม่บอกหน่วยเป็นกิโลเมตรหรือไมล์ แต่จะบอกเป็นเวลาที่แสงใช้เดินทางระหว่างสถานที่ทั้งสองนั้น กล่าวได้ว่า โลกเราอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ 8 นาทีแสง
สมมุติว่าถ้าดาวดวงหนึ่งอยู่ห่างจากโลก 1 ปีแสง นั่นหมายความว่า สัญญาณที่ส่งจากดาวดวงนั้นกลับมายังโลก ต้องใช้เวลา 1 ปี กว่าจะเดินทางมาถึง

จึงเป็นที่มาของคำพูดที่กินใจที่สุดในเรื่องที่ว่า "ระยะทางที่ต้องใช้ความเร็วแสงถึง 8 ปีนั้น มันไม่ต่างอะไรเลยกับคำว่า ชั่วนิรันดร์"
ถ้าุคุณกับคนรัก มีโอกาสส่งข่าวให้กันได้ครั้งเดียวในช่วงเวลาแปดปีกว่า คุณจะยังรักเขาหรือเธออยู่ไหม และในเวลาที่แสนนานนี้ คุณจะลืมเลือนกันไปบ้างรึเปล่า

เรื่องนี้ ถ้ามองผิวเผินแล้ว บางคนอาจคิดว่าเป็นการ์ตูน 'ขับหุ่นยนต์ตะลุยอวกาศพิทักษ์โลก' ตามสไตล์การ์ตูนญี่ปุ่น แต่น่าชื่นชมตรงที่ผู้สร้างเขาค้นคว้าข้อมูลมาเยอะทีเดียว เรื่องข้อมูลทางดาราศาสตร์ต่างๆ ที่ถูกต้องเกือบทั้งหมด เช่น ระยะห่างจากดวงอาทิตย์ถึงดงดาวหางออร์ต แต่มีผิดพลาดอยู่เพียงประการเดียวคือ เรื่องดาวบริวารของซิริอุสที่มีลักษะคล้ายโลก ซึ่งในปัจจุบันเรายังไม่พบดาวบริวารแบบนั้น และแนวคิดอีกอย่างที่น่าสนใจคือ ในเรื่องตัวเอกส่งอีเมลผ่านเครือข่ายสื่อสารที่สามารถส่งผ่านไปทางอวกาศนอกโลกได้ ไม่ได้จำกัดการใช้งานอยู่แต่เฉพาะบนผิวโลกอีกต่อไป

.....

วรรณกรรมตกสระ


"โอ้ว่ากาลครั้งหนึ่ง มีเด็กน้อยตกฟากในวันจันทร์ เช่นเดียวกับเด็กคนอื่นซึ่งเกิดวันนี้ ชื่อของเด็กคนนี้ไม่มีสระ เด็กน้อยเติบใหญ่เป็นชายหนุ่ม และสุดท้ายกลายมาเป็นนักเขียน..."



ประเภท รวมเรื่องสั้น
เขียนโดย ภาณุ ตรัยเวช
ปี 2548
สำนักพิมพ์ นานมีบุ๊คส์

หนังสือรวมเรื่องสั้นแนววรรณกรรมสะท้อนสังคม ซึ่งผ่านเข้ารอบหกคนสุดท้ายรางวัล Young Thai Artist Award 2004 ประกอบด้วยเรื่องสั้น 9 เรื่อง ซึ่งบอกเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ในสังคมเมืองหลากหลายรูปแบบ ที่ดำรงอยู่ภายใต้ความเหงา การโหยหาความรักและความอบอุ่น

"วรรณกรรมตกสระ" เป็นเรื่องราวของนักเขียนคนหนึ่งซึ่งเกิดวันจันทร์และชื่อไม่มีสระ เขาเขียนเรื่องสั้นโดยไม่ใช้สระสักตัว! แน่นอน คนอ่านทุกคนโยนหนังสือทิ้งตั้งแต่ยังไม่จบย่อหน้าแรก
เขาบอกว่า "สระคือสิ่งกีดขวางการสื่อสาร แค่พยัญชนะ 44 ตัว น่าจะเพียงพอแล้ว อย่างฝรั่งยังใช้อักษร 26 ตัวสร้างสรรค์ภาษาขึ้นมาได้เลย"

ถึงเป็นนักเขียนบ้าๆ บอๆ ก็ยังมีผู้หญิงมาหลงชอบได้ เธอคนนั้นคือ ดอกสน
ดอกสนมาสมัครเป็นลูกศิษย์ด้วยความชื่นชม และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็พัฒนาไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นความรัก

วันหนึ่ง มีสำนักพิมพ์ใจกล้า (ไม่กลัวเจ๊ง) ติดต่อให้เขาเขียนนวนิยายเรื่องยาวออกมาสักเล่มหนึ่ง เขารับทันที เพราะเคยเขียนแต่เรื่องสั้น เป็นโอกาสดีที่จะได้พัฒนาตัวเอง แน่นอน มันคงเป็นนิยายที่ไม่มีสระสักตัว!
แต่เมื่อเขาใช้เวลาเขียน 'วรรณกรรมตกสระ' ของเขามากขึ้นเรื่อยๆ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับดอกสนก็ดูเหมือนจะยิ่งห่างไกลกันไปทุกที...

ข้าพเจ้ารู้จักชื่อภาณุ ตรัยเวชครั้งแรก จากการได้อ่านเรื่องสั้นชื่อ "นักฉลาดมืออาชีพ" เป็นเรื่องสั้นที่ได้รับรางวัลชมเชย การประกวดเรื่องสั้นวิทยาศาสตร์ Nation Books Award ครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นเรื่องราวของประเทศไทยในอนาคตเมื่อปี พ.ศ. 2686 เนื้อหาสะท้อนภาพการแบ่งชนชั้น การศึกษา สิทธิเสรีภาพ มีการเมืองนิดๆ มีเรื่องศาสนาปนหน่อยๆ เป็นเรื่องสั้นที่ชอบมาก และคิดว่าสมบูรณ์แบบมากเรื่องหนึ่งเท่าที่เคยได้อ่านมา

งานของผู้เขียนในเล่มนี้ หลายเรื่องมีความสดใหม่ ออริจินัลมาก แสดงถึงความพยายามแหวกขนบเดิมๆ ของเรื่องสั้นออกไป

ขอยกบางส่วนของ 'คำนำผู้เขียน' มาให้อ่าน เพราะเหมือนเป็นการบ่งบอกทิศทางของหนังสือเล่มนี้ และสะท้อนตัวผู้เขียนได้เป็นอย่างดี

"...กระจกมิเพียงสะท้อนภาพผู้สร้าง แต่ยังสะท้อนภาพใครก็ตามที่ส่องมัน ดังนั้นคนอ่านจึงตีความงานเขียนแตกต่างกันไปตามประสบการณ์ ตามรูแคบๆ ที่แต่ละคนมองโลก นี่คือเสน่ห์ของงานเขียน นี่คือสาเหตุที่ใครก็มองไม่ออกว่าหนังสือคืออัตชีวประวัติ เพราะต่างก็เห็นเงาของตัวเองจ้องกลับมาจากบนหน้ากระดาษขณะที่เงาบนกระจกคือรูปลักษณ์ภายนอก เงาบนหนังสือสื่อว่าเราเป็นใคร ผู้เขียนคิดว่าคนเราควรส่องกระจกให้น้อยลง แล้วหันมาอ่านหนังสือให้มากขึ้น เพื่อทำความรู้จักกับตัวเอง"

.....

Something

บางสิ่ง

"A Modern Age"



















พี่ป๊อด ธนชัย อุชชิน ผู้แต่งและนักร้องนำ เล่าว่า...

"บางสิ่ง" เป็นเพลงแรกที่สุกี้กับโมเดิร์นด็อกทำงานร่วมกัน
สุกี้ทำดนตรีเสร็จแล้วเอามาให้ผมเขียนคำร้อง-ทำนองต่อ

กลางดึกคืนหนึ่งขณะกำลังหลับ ผมเกิดรู้สึกตัวขึ้นมาพร้อมกับเนื้อเพลงในหัว ก็เลยรีบจดเอาไว้ทั้งที่อยู่ในความมืด บังเอิญสมุดจดและปากกาจะวางไว้ตรงหัวนอนอยู่แล้ว
"อย่าบอกว่าเธอเสียใจ ก่อนนี้ไม่เคยจะสนใจ จากเธอไปเมื่อใด..." อะไรประมาณนี้

ตื่นเช้ามาก็พยายามจะอ่านว่าที่เขียนไว้เมื่อคืนมันมีอะไรบ้าง จากนั้นก็อาบน้ำ แต่งตัวขึ้นรถเมล์ไปเรียนที่จุฬาฯ ตามปกติระหว่างทางก็คิดคำร้องไปตลอดทาง มาเสร็จเอาตอนใกล้ๆ จะถึงคณะ ก็ประหลาดใจดี เพราะจริงๆ ก็มีคอนเซปต์อยู่ในใจแล้ว แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง และไม่รู้ว่าจะพูดแบบไหน จนกระทั่งมันหลุดออกมาตอนกลางคืนนั่นแหละ...

"อาจไม่เคยอยู่ในสายตา เหมือนเธอไม่รู้ว่ากำลังหายใจ"

ศิลปิน: Moderndog
อัลบัม: เสริมสุขภาพ
ปี 1994





















ที่มา: 375°F Vol.01 March 2004