10 หนังโปรดของข้าพเจ้า
10) L.A. Confidential (1997)
Director: Curtis Hanson
Writer: Brian Helgeland, Curtis Hanson / James Ellroy (novel "L.A. Confidential")
อาชญากรรมและคอร์รัปชันในวงการตำรวจ
9) Infernal Affairs (2002)
Director: Andrew Lau, Alan Mak
Writer: Alan Mak, Felix Chong
เมื่อตำรวจไปเป็นสายลับในหมู่โจร และโจรไปเป็นสายในกรมตำรวจ
8) The Prestige (2006)
Director: Christopher Nolan
Writer: Jonathan Nolan, Christopher Nolan / Christopher Priest (novel "The Prestige")
การแก้แค้นด้วยมายากลที่นำไปสู่การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ที่สุดอันตราย
7) The Matrix (1999)
Director & Writer: Andy Wachowski, Lana Wachowski
ถ้าไม่ตื่นจากฝัน จะรู้ความแตกต่างระหว่างความจริงกับความฝันได้อย่างไร
6) V for Vendetta (2005)
Director: James McTeigue
Writer: Andy Wachowski, Lana Wachowski / Alan Moore, David Lloyd (graphic novel "V for Vendetta")
หน้ากากที่กลายสัญลักษณ์ของการต่อต้านเผด็จการ
5) Memento (2000)
Director: Christopher Nolan
Writer: Christopher Nolan / Jonathan Nolan (short story "Memento Mori")
เขาวงกตแห่งความทรงจำ
4) Gattaca (1997)
Director & Writer: Andrew Niccol
เมื่อโลกเข้าสู่ยุคที่คนเราแบ่งแยกชนชั้นด้วยรหัสพันธุกรรม
3) The Shawshank Redemption (1994)
Director: Frank Darabont
Writer: Frank Darabont / Stephen King (short story "Rita Hayworth and Shawshank Redemption")
ความหวังเป็นสิ่งที่ดีที่สุด และสิ่งดีๆ นั้นไม่เคยตาย
2) Vertigo (1958)
Director: Alfred Hitchcock
Writer: Alec Coppel, Samuel A. Taylor / Pierre Boileau, Thomas Narcejac (novel "D'Entre Les Morts / The Living and The Dead")
คนที่เป็นโรคกลัวความสูง ที่พาตัวเองดำดิ่งไปในความลุ่มหลง
1) Chinatown (1974)
Director: Roman Polanski
Writer: Robert Towne
อาจเป็นฟิล์มนัวร์ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์
...
Mystic River
"บาดแผลที่ไม่มีวันเหือดแห้ง"
ประเภท Crime Drama Thriller
กำกับโดย Clint Eastwood
เขียนบทโดย Brian Helgeland
ดัดแปลงจากนวนิยายเรื่อง "Mystic River"
เขียนโดย Dennis Lehane
นำแสดงโดย Sean Penn, Tim Robbins,
Kevin Bacon
ปี 2003
เรื่องราวของเพื่อนรักสามคน จิมมี ฌอน และเดฟ
วันหนึ่งในขณะที่ทั้งสามเล่นฮอกกีอยู่บนถนนละแวกหมู่บ้าน ซึ่งเป็นชุมชนริมฝั่งแม่น้ำมิสทิคที่ไหลผ่านเมืองบอสตัน
จิมมี เห็นพื้นฟุตบาทที่เพิ่งลาดคอนกรีตใหม่ๆ เลยนึกคะนองอยากเข้าไปเขียนชื่อเป็นที่ระลึก เขาชวนฌอนและเดฟเข้าไปเล่นสนุกด้วย ฌอนซึ่งมีบุคลิกกลัวการทำผิด ก็กลับทำตามเพื่อนไปด้วย
ชื่อจิมมีและฌอนถูกเขียนลงไป แต่ก่อนที่เดฟจะเขียนชื่อเสร็จ ก็มีชายร่างใหญ่สองคนแสดงตัวเป็นตำรวจเข้ามาห้าม พร้อมทั้งบังคับให้เดฟขึ้นรถ และไล่จิมมีกับฌอนให้กลับบ้านไป รถคันนั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนจากไปช้าๆ
เดฟถูกชายทั้งสองคนนั้นจับไปขังเพื่อทารุณกรรมทางเพศอยู่หลายวัน ก่อนที่จะหนีมาได้ในสภาพโทรมยับเยิน ชีวิตปกติอย่างที่ควรจะเป็นของเดฟจบลงแล้ว ตั้งแต่วันที่เขาขึ้นรถคันนั้นไป
ผ่านไป 25 ปี ทั้งสามคนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และมีครอบครัว ทั้งสามกลับมาเจอกันอีกครั้ง เพราะคดีฆาตกรรม ซึ่งมี เคธี ลูกสาวของจิมมี เป็นเหยื่อเคราะห์ร้าย! จิมมีรักลูกสาวคนนี้มาก เพราะเธอคือตัวแปรสำคัญ ที่ทำให้อันธพาลอย่างเขาพยายามกลับตัวเป็นคนดี
ฌอนซึ่งเป็นตำรวจ รับหน้าที่ไขคดีนี้พร้อมกับเพื่อนคู่หูของเขา
ในคืนเกิดเหตุ เดฟนั่งดื่มเหล้าอยู่ในบาร์แห่งหนึ่ง ซึ่งมีเคธีพร้อมกับเพื่อนอีกสองคนอยู่ที่นั่นด้วย เดฟกลับบ้านในสภาพเสื้อผ้าเปื้อนเลือดพร้อมบาดแผลที่ท้องและข้อมือ ภาพในคืนนั้นทำให้ เซเลส ภรรยาของเดฟ รู้สึกไม่ชอบมาพากล และสงสัยในตัวสามีว่า ความจริงแล้วเกิิดอะไรขึ้นในคืนนั้น
ฌอนและคู่หู พยายามสืบสวนหาตัวคนที่ฆ่าเคธี ตามขั้นตอนที่เคยปฏิบัติมาตลอด ตามหลักของกฏหมาย และกระบวนการยุติธรรม แต่จิมมี ซึ่งมีอิทธิพลอยู่ในกลุ่มอันธพาลเดิมอยู่แล้ว กลับพยายามที่จะเอาตัวคนผิดมาลงโทษด้วยตัวเอง โดยไม่หวังพึ่งกฏหมาย...
จากการแสดงอันยอดเยี่ยมของ ฌอน เพนน์ และ ทิม ร็อบบินส์ ทำให้ทั้งคู่ได้รางวัลออสการ์ในปีนั้น จากสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมตามลำดับ
หนังสะท้อนด้านมืดของสังคม 'สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่อย่างที่คิด' โลกแห่งความเป็นจริง อาจมีอะไรที่ซับซ้อน อยู่อีกชั้นหนึ่งก็ได้
อีกประเด็นหนึ่งคือ การเอาความรู้สึกส่วนตัวมาชี้นำว่า ใครเป็นคนทำผิด ซึ่งหนังก็พยายามบอกว่า สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะเอาความรู้สึกมาเป็นตัวชี้นำมากแค่ไหน 'หลักฐานและข้อเท็จจริง' จะเป็นตัวตัดสินความถูกต้องเอง
.....
ประเภท Crime Drama Thriller
กำกับโดย Clint Eastwood
เขียนบทโดย Brian Helgeland
ดัดแปลงจากนวนิยา
เขียนโดย Dennis Lehane
นำแสดงโดย Sean Penn, Tim Robbins,
Kevin Bacon
ปี 2003
เรื่องราวของเพื่อนรักสามคน
วันหนึ่งในขณะที่ทั้งสามเล่
จิมมี เห็นพื้นฟุตบาทที่เพิ่งลาดค
ชื่อจิมมีและฌอนถูกเขียนลงไ
เดฟถูกชายทั้งสองคนนั้นจับไ
ผ่านไป 25 ปี ทั้งสามคนเติบโตเป็นผู้ใหญ่
ฌอนซึ่งเป็นตำรวจ รับหน้าที่ไขคดีนี้พร้อมกับ
ในคืนเกิดเหตุ เดฟนั่งดื่มเหล้าอยู่ในบาร์
ฌอนและคู่หู พยายามสืบสวนหาตัวคนที่ฆ่าเ
จากการแสดงอันยอดเยี่ยมของ ฌอน เพนน์ และ ทิม ร็อบบินส์ ทำให้ทั้งคู่ได้รางวัลออสกา
หนังสะท้อนด้านมืดของสังคม 'สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่อย่าง
อีกประเด็นหนึ่งคือ การเอาความรู้สึกส่วนตัวมาช
.....
จับตาย
"มนัส จรรยงค์ มีการสร้างสรรค์ที่เป็น 'เอกลักษณ์' ของตนโดยเฉพาะ แต่เขาก็สร้างลักษณะ 'สากล' ทางโศกนาฏกรรมขึ้นมาได้ ไม่ปานบทละครกรีกหรือนวนิยายคลาสสิกของประเทศทางตะวันตกที่ยอมรับกันโดยทั่วไป" - สุชาติ สวัสดิ์ศรี
ประเภท รวมเรื่องสั้น
เขียนโดย มนัส จรรยงค์
ปี 2532
สำนักพิมพ์ สร้างสรรค์บุ๊คส์
"เขามีความเชื่อมั่นอยู่แต่ว่า 'ความเป็นอยู่ของคนเราก็คือหนังสือเล่มหนึ่ง'
วันเกิดของเขาคือ หน้าต้นที่แสดงชื่อผู้แต่ง ศาสนาหรือศีลธรรมของเขาก็คือ หน้าที่เขียนคำอุทิศของหนังสือ เสียงร่ำร้องครวญครางของเขาฝากไว้ให้แก่ผู้อ่านหนังสือเล่มนั้น
ความเป็นเด็กซุกซนปราศจากเดียงสาของเขาก็คือ หน้าหนังสือที่บอกแก้คำผิดและสารบัญ อันจะแสดงอุปนิสัยแต่เด็กนั้นให้ติดต่อกันไปถึงการแสดงบทบาทสำคัญของท้องเรื่องในอนาคต ชีวิตและความเป็นอยู่ก็คือ เนื้อเรื่องของหนังสือ ใช้ศีลธรรม ความนับถือเป็นผู้ตรวจทานในเรื่อง
บางเล่มก็เล็ก บางเล่มก็ใหญ่ บางเล่มก็หนาและบาง ตามแต่เนื้อเรื่อง บางเล่มก็กระดาษดี บางเล่มก็กระดาษเลว
แต่ในหน้าสุดท้ายของหนังสือทุกเล่มมักมีคำว่าจบ หรือว่า 'อวสาน' หรืออื่นๆ ที่มีความหมายเหมือนกัน ซึ่งเป็นคำแสดงว่าหนังสือนั้นหมดเนื้อความแล้ว..."
- มนัส จรรยงค์ กล่าวไว้ใน "หนังสือเล่มหนึ่ง"
"จับตาย" เรื่องราวของเจ้าหน้าที่ทัณฑสถานกับนักโทษ จากเหตุการณ์รักสามเส้า ทำให้เขาได้รับคำสั่งให้ไปจับตายนักโทษที่ตนสนิท เรื่องนี้นำเสนอความขัดแย้ง ระหว่างความรู้สึกส่วนตัวกับหน้าที่ และความผูกพันซึ่งเกิดจากการอยู่ร่วมกันจนกลายเป็นเพื่อนของคนต่างหน้าที่ ที่คล้ายจะเป็นศัตรูกัน
"ซาเก๊าะ" เรื่องราวของวัวชนตัวหนึ่ง ที่กำลังจะเข้าสู้ศึกสำคัญในงานฉลองรัฐธรรมนูญ โดยมีเรื่องของการพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องนี้ชี้ให้เห็นถึงความโลภอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของมนุษย์
มนุษย์ผู้เป็นเจ้าชีวิตของสัตว์นั้น กลับแสดงสัญชาตญาณดิบของตนออกมา ในรูปของการทรมาน และทารุณสัตว์ แต่วัวชน กลับมีสัญชาตญาณของความเป็นมนุษย์ คือมีศักดิ์ศรี มีความกล้าหาญ มีจิตใจไม่ยอมแพ้ และเข้มแข็งกว่ามนุษย์เสียอีก
มนัส จรรยงค์เขียนเรื่องสั้นมาไม่ต่ำกว่า 1,000 เรื่อง นวนิยายอีกประมาณ 20 เรื่อง เรื่องสั้น "จับตาย" ได้รับเลือกจากสมาคมนักเขียนแห่งออสเตรเลีย แปลเป็นภาษาอังกฤษและตีพิมพ์ในหนังสือ Span ร่วมกับนักเขียนชาติอื่นๆ ทั่วโลก โดยใช้ชื่อว่า "Shoot to Kill"
เรื่องสั้น "ซาเก๊าะ" ได้รับการคัดเลือกให้ตีพิมพ์เป็นหนังสืออ่านนอกเวลา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายของกระทรวงศึกษาธิการ
ในปี พ.ศ. 2525 สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ได้ยกย่องให้ มนัส จรรยงค์ เป็นหนึ่งในสิบห้านักเขียนเรื่องสั้นไทย 'ดีเด่นในรอบ 100 ปี' และในปีเดียวกัน "จับตาย" ก็ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์
.....

เขียนโดย มนัส จรรยงค์
ปี 2532
สำนักพิมพ์ สร้างสรรค์บุ๊คส์
"เขามีความเชื่อมั่นอยู่แต่ว่า 'ความเป็นอยู่ของคนเราก็คือหนังสือเล่มหนึ่ง'
วันเกิดของเขาคือ หน้าต้นที่แสดงชื่อผู้แต่ง ศาสนาหรือศีลธรรมของเขาก็คือ หน้าที่เขียนคำอุทิศของหนังสือ เสียงร่ำร้องครวญครางของเขาฝากไว้ให้แก่ผู้อ่านหนังสือเล่มนั้น
ความเป็นเด็กซุกซนปราศจากเดียงสาของเขาก็คือ หน้าหนังสือที่บอกแก้คำผิดและสารบัญ อันจะแสดงอุปนิสัยแต่เด็กนั้นให้ติดต่อกันไปถึงการแสดงบทบาทสำคัญของท้องเรื่องในอนาคต ชีวิตและความเป็นอยู่ก็คือ เนื้อเรื่องของหนังสือ ใช้ศีลธรรม ความนับถือเป็นผู้ตรวจทานในเรื่อง
บางเล่มก็เล็ก บางเล่มก็ใหญ่ บางเล่มก็หนาและบาง ตามแต่เนื้อเรื่อง บางเล่มก็กระดาษดี บางเล่มก็กระดาษเลว
แต่ในหน้าสุดท้ายของหนังสือทุกเล่มมักมีคำว่าจบ หรือว่า 'อวสาน' หรืออื่นๆ ที่มีความหมายเหมือนกัน ซึ่งเป็นคำแสดงว่าหนังสือนั้นหมดเนื้อความแล้ว..."
- มนัส จรรยงค์ กล่าวไว้ใน "หนังสือเล่มหนึ่ง"
"จับตาย" เรื่องราวของเจ้าหน้าที่ทัณฑสถานกับนักโทษ จากเหตุการณ์รักสามเส้า ทำให้เขาได้รับคำสั่งให้ไปจับตายนักโทษที่ตนสนิท เรื่องนี้นำเสนอความขัดแย้ง ระหว่างความรู้สึกส่วนตัวกับหน้าที่ และความผูกพันซึ่งเกิดจากการอยู่ร่วมกันจนกลายเป็นเพื่อนของคนต่างหน้าที่ ที่คล้ายจะเป็นศัตรูกัน
"ซาเก๊าะ" เรื่องราวของวัวชนตัวหนึ่ง ที่กำลังจะเข้าสู้ศึกสำคัญในงานฉลองรัฐธรรมนูญ โดยมีเรื่องของการพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องนี้ชี้ให้เห็นถึงความโลภอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของมนุษย์
มนุษย์ผู้เป็นเจ้าชีวิตของสัตว์นั้น กลับแสดงสัญชาตญาณดิบของตนออกมา ในรูปของการทรมาน และทารุณสัตว์ แต่วัวชน กลับมีสัญชาตญาณของความเป็นมนุษย์ คือมีศักดิ์ศรี มีความกล้าหาญ มีจิตใจไม่ยอมแพ้ และเข้มแข็งกว่ามนุษย์เสียอีก
มนัส จรรยงค์เขียนเรื่องสั้นมาไม่ต่ำกว่า 1,000 เรื่อง นวนิยายอีกประมาณ 20 เรื่อง เรื่องสั้น "จับตาย" ได้รับเลือกจากสมาคมนักเขียนแห่งออสเตรเลีย แปลเป็นภาษาอังกฤษและตีพิมพ์ในหนังสือ Span ร่วมกับนักเขียนชาติอื่นๆ ทั่วโลก โดยใช้ชื่อว่า "Shoot to Kill"
เรื่องสั้น "ซาเก๊าะ" ได้รับการคัดเลือกให้ตีพิมพ์เป็นหนังสืออ่านนอกเวลา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายของกระทรวงศึกษาธิการ
ในปี พ.ศ. 2525 สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ได้ยกย่องให้ มนัส จรรยงค์ เป็นหนึ่งในสิบห้านักเขียนเรื่องสั้นไทย 'ดีเด่นในรอบ 100 ปี' และในปีเดียวกัน "จับตาย" ก็ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์
.....
Dominoes Scene
"Dominoes Scene" ในหนังเรื่อง V for Vendetta ใช้ทีมงานผู้เชี่ยวชาญ 4 คนในการเซ็ตฉากนี้ ใช้โดมิโนกว่า 22,000 ตัว และใช้เวลาในการตั้งโดมิโนถ
Vertigo
"หลงเงา"
ประเภท Mystery Romance Psychological Thriller
กำกับโดย Alfred Hitchcock
เขียนบทโดย Alec Coppel, Samuel A. Taylor
ดัดแปลงจากนวนิยาย "D'Entre les Morts"
ชื่อภาษาอังกฤษ "The Living and The Dead"
เขียนโดย Pierre Boileau, Thomas Narcejac
ตีพิมพ์ปี 1954
นำแสดงโดย James Stewart, Kim Novak
ปี 1958
เรื่องราวของนายตำรวจ จอห์น เฟอร์กูสัน หรือ สก็อตตี เขาเป็นโรคกลัวความสูง ซึ่งเกิดจากเหตุการณ์ที่เขาเป็นต้นเหตุทำให้เพื่อนตำรวจต้องเสียชีวิตในขณะไล่จับคนร้าย โดยมีฉากหลังคือเมือง ซาน ฟรานซิสโก และมีสัญลักษณ์สำคัญคือ สะพานโกลเดนเกท
โรคดังกล่าวทำให้เกิดอาการเวียนหัว หัวหมุน ทำให้ทรงตัวลำบาก เขาเกิดอาการนี้อยู่บ่อยครั้ง บวกกับอาการฝันร้ายจากเหตุการณ์นั้น จนเขาตัดสินใจลาออกจากงาน แต่ก่อนที่สก็อตตีจะวางมือจากอาชีพตำรวจ เขาได้รับการขอร้องจากเพื่อนเก่า เกวิน เอลสเตอร์ ให้ช่วยสะกดรอยและสืบเกี่ยวกับความผิดปกติของ เมเดอลีน ภรรยาของเกวิน เพราะกลัวว่าเธออาจมีอาการผิดปกติทางจิต และอาจจะฆ่าตัวตายเหมือนกับคนในตระกูลของเธอที่เคยทำในอดีต ซึ่งเป็นเรื่องที่เหลวไหลในความคิดของสก็อตตี
ในระหว่างที่สะกดรอยอยู่นั้น เมเดอลีนก็กระโดดลงไปในอ่าวซาน ฟรานซิสโกเพื่อฆ่าตัวตาย แต่เขาช่วยชีวิตเธอไว้ได้!
แต่เมื่อเวลาผ่านไป อาการของเมเดอลีนก็เหมือนจะแย่ลง เธอพยายามจะกระโดดลงน้ำอีกครั้ง สก็อตตีห้ามไว้ทัน แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เป็นเพราะหน้าที่รับผิดชอบ แต่มันเป็นความรู้สึกส่วนตัว เพราะเขาตกหลุมรักเมเดอลีน
ต่อมาสก็อตตีพาเมเดอลีนไปสถานที่หนึ่ง ซึ่งคล้ายกับที่เธอเคยเจอในฝัน เมเดอลีนวิ่งขึ้นไปบนหอคอย สก็อตตีวิ่งตามไป แต่ในขณะที่เขาพยายามจะเดินขึ้นบันไดเวียนเพื่อตามไปช่วยเธอนั้น อาการของโรคกลัวความสูงก็ตามมาหลอกหลอนเขาอีกครั้ง...
Vertigo เป็นหนังที่แฝงความหมายเอาไว้หลายอย่าง และซับซ้อน จำเป็นต้องดูหลายรอบถึงจะเก็บได้หมด ฮิทช์ค็อคสามารถผสมผสานเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอดีต ความฝัน ภาพในจินตนาการ และความหมกมุ่นลุ่มหลงในสิ่งที่ไม่มีตัวตนได้อย่างลงตัว เนียนไร้ที่ติ
เป็นหนังในอุดมคติของข้าพเจ้าด้วย เป็นหนังที่ดูแล้วชวนให้สงสัยตลอดเวลา ตัวละครน้อยๆ แต่มีเสน่ห์ชวนให้เราติดตาม ดำเนินเรื่องเรียบๆ มีการใช้ภาษาภาพมากกว่าบทสนทนา ใช้สัญลักษณ์สื่อความหมาย มีความโรมานซ์ปนแต่ไม่มากจนเอียน และเอาเรื่องลึกลับมาผสมกับความหลงของมนุษย์ได้อย่างกลมกลืน แล้วหนังก็สามารถอธิบายเหตุผลในเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นในเรื่องได้อย่างตรงไปตรงมา และน่าเชื่อถือ
ที่สุดแล้วหนังเรื่องนี้ ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของคนที่เป็นโรคกลัวความสูงเท่านั้น แต่ยังได้เล่าเรื่องราวของคนที่ติดอยู่กับความลุ่มหลง
.....
ประเภท Mystery Romance Psychological Thriller
กำกับโดย Alfred Hitchcock
เขียนบทโดย Alec Coppel, Samuel A. Taylor
ดัดแปลงจากนวนิยา
ชื่อภาษาอังกฤษ "The Living and The Dead"
เขียนโดย Pierre Boileau, Thomas Narcejac
ตีพิมพ์ปี 1954
นำแสดงโดย James Stewart, Kim Novak
ปี 1958
เรื่องราวของนายตำรวจ จอห์น เฟอร์กูสัน หรือ สก็อตตี เขาเป็นโรคกลัวความสูง ซึ่งเกิดจากเหตุการณ์ที่เขา
โรคดังกล่าวทำให้เกิดอาการเ
ในระหว่างที่สะกดรอยอยู่นั้
แต่เมื่อเวลาผ่านไป อาการของเมเดอลีนก็เหมือนจะ
ต่อมาสก็อตตีพาเมเดอลีนไปสถ
Vertigo เป็นหนังที่แฝงความหมายเอาไ
เป็นหนังในอุดมคติของข้าพเจ้าด้วย เป็นหนังที่ดูแล้วชวนให้สงส
ที่สุดแล้วหนังเรื่องนี้ ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของคนที
.....
ตำนานระทึกขวัญ Alfred Hitchcock
"ผมเป็นผู้กำกับที่มีแนวทาง
ผู้ชมก็จะมองหาศพในรถฟักทอง
ประเภท สารคดี อัตชีวประวัติ
เขียนโดย ประวิทย์ แต่งอักษร
ตีพิมพ์ครั้งแรกปี 2543
ฉบับปรับปรุงใหม่ปี 2556
สำนักพิมพ์ สตาร์พิคส์
ปีเตอร์ บ็อกดาโนวิช นักวิจารณ์และคนทำหนัง เคยเล่าว่า หลังจากที่เขากับ ฮิทช์ค็อคนั่งดื่มจนได้ที่แล้ว ก็พากันลงลิฟท์จากชั้น 25 เพื่อมาที่ล็อบบี้โรงแรม เมื่อลิฟท์หยุดที่ชั้น 19 มีคนเข้ามาในลิฟท์สามคน ฮิทช์ค็อคก็โพล่งออกมาดังลั่นว่า "เลือดมันไหลนองไปหมด เห็นแล้วช็อคจริงๆ!"
บ็อกดาโนวิชซึ่งรับมุกไม่ทันได้แต่ยืนงง แต่ฮิทช์ค็อคก็ยังพูดต่อไปเรื่อยๆ "เลือดมันไหลเป็นทางออกมาจากหู แล้วก็ออกมาจากปาก"
เขียนโดย ประวิทย์ แต่งอักษร
ตีพิมพ์ครั้งแรกปี 2543
ฉบับปรับปรุงใหม่ปี 2556
สำนักพิมพ์ สตาร์พิคส์
ปีเตอร์ บ็อกดาโนวิช นักวิจารณ์และคนทำหนัง เคยเล่าว่า หลังจากที่เขากับ ฮิทช์ค็อคนั่งดื่มจนได้ที่แ
บ็อกดาโนวิชซึ่งรับมุกไม่ทั
อีกสองคนเข้ามาในลิฟท์ ได้ยินประโยคต่อมา แล้วดูเหมือนว่าคนในลิฟท์จะเริ่มจดจ่อกับคำบอกเล่าของฮิทช์ค็อค "ผมมองไปที่ชายเคราะห์ร้ายแล้วก็พูดว่า พระเจ้า เกิดอะไรขึ้นกับหมอนี่?!"
ลิฟท์ลงมาถึงล็อบบี้้ ฮิทช์ค็อคยังคงเล่าต่อไป "คุณรู้ไหมว่า เขาบอกอะไร?"
แล้วเขาก็หยุดนิ่ง บรรดาคนอื่นๆ ทยอยเดินออกจากลิฟท์อย่างไม่เต็มใจ และมองไปที่ฮิทช์ค็อคซึ่งเด
หลังจากนิ่งเงียบไประยะหนึ่
"อ๋อ ไม่ได้บอกอะไรหรอก นั่นมันก็แค่เรื่อง 'เหตุเกิดในลิฟท์' ของผมเท่านั้นเอง"
ฮิทช์ค็อคเป็นนักเล่าเรื่อง
อัลเฟร็ด ฮิทช์ค็อค เป็นนักทำหนังชาวอังกฤษ ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นหนังเ
เนื้อหาภายในเล่ม นอกจากจะมีประวัติส่วนตัวแล
หนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนสะ
ตอนหนึ่งในบทสัมภาษณ์ของ ฟรังซัวส์ ทรุฟโฟต์ ที่ว่า
ทรุฟโฟต์: Psycho เป็นงานระดับสากลจริงๆ เพราะเป็นหนังเงียบถึงครึ่ง
ฮิทช์ค็อค: คุณรู้ไหมว่า ในเมืองไทยเขาไม่ใช้ซับไตเต
Citizen Dog - หมานคร
"ยอดเชื่อว่า ถ้าเราตามหาอะไรบางอย่าง ยิ่งหาก็ยิ่งไม่พบ แต่ถ้าเราอยู่เฉยๆ มันจะออกมาหาเราเอง เหมือนนิ้วชี้ของยอดที่กลับ
ประเภท Romance Comedy Fantasy
เขียนบทและกำกับโดย วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง
บทภาพยนตร์ดัดแปลงจากนวนิยา
นำแสดงโดย มหาสมุทร บุณยรักษ์, แสงทอง เกตุอู่ทอง
เสียงบรรยายโดย เป็นเอก รัตนเรือง
เพลงประกอบ "...ก่อน" ศิลปิน โมเดิร์นด็อก แต่งโดย ปฐมพร ปฐมพร
ปี 2004
เรื่องราวของ ป๊อด ชายที่ไม่มีความฝัน ใครๆ ต่างก็บอกเขาว่า ถ้าอยากมีความฝันและความรัก
แต่กรุงเทพฯ ไม่ได้เป็นอย่างที่ป๊อดคิด มันผิดปกติเกินไป มันเหงาและโหดร้าย
วันหนึ่งเขาเผลอตัดนิ้วชี้ข
และที่ทำงานใหม่นี้ ป๊อดได้พบกับสิ่งที่เขาขาดห
ป๊อดตกหลุมรักจินทันที ไม่ว่าจินจะทำอะไร โลกนี้มันช่างดูสวยงามไปหมด
"หมานคร" เป็นหนังที่เล่าเรื่องได้เร
.....
แม่เภา
"ทุกคนมี แม่เภา อยู่ในตัว"
ประเภท เรื่องสั้น ความเรียง
เขียนโดย ประภาส ชลศรานนท์
ปี 2553
สำนักพิมพ์ เวิร์คพอยท์ พับลิชชิง
เรื่องราวของ แม่เภา หญิงวัยกลางคน นักหนังสือพิมพ์ในต่างจังหวัด คนธรรมดาที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายกับครอบครัวในชุมชนเล็กๆ แห่งหนึ่ง เป็นคนรักความยุติธรรม และเกลียดการเอารัดเอาเปรียบกันในสังคมมากที่สุด แม่เภาเป็นคนโผงผาง เป็นคนเอาเรื่อง ใครทำอะไรไม่ถูกไม่ควร แม่เภาก็จะปะทะเอาซึ่งๆ หน้า แต่ไม่ถึงกับก้าวร้าว อีกทั้งเป็นคนชัดเจน เฉลียวฉลาดทันคน มองโลกในแง่ดีเสมอ จิตใจดี และมีอารมณ์ขัน
แม่เภามักมีวิธีการสั่งสอนคนที่ชอบเอาเปรียบผู้อื่นในแบบ 'เกลือจิ้มเกลือ'
คนที่ถูกเอาเปรียบในบ้านเรา ไม่ค่อยมีใครกล้าลุกขึ้นต่อสู้ เพราะคนไทยเราเป็นคนกินง่าย อยู่ง่าย ใครทำอะไรเรา เราก็บอกเพียงว่า "ไม่เป็นไร"
แต่แม่เภาของเราไม่เป็นอย่างนั้น ใครทำอะไรไม่ดีต่อคนอื่น แม่เภาก็จะเข้าปะทะตรงๆ โดยทันที ซึ่งจริงๆ แล้วทุกคนต่างก็มี 'แม่เภา' อยู่ในตัว เพียงแต่บางครั้ง เราไม่กล้าพอที่จะต่อกรกับความไม่ยุติธรรมนั่นเอง เพราะคนไทยเป็นคนขี้เกรงใจ เรามักจะใช้ชีวิตประจำวันไปอย่างเดิมๆ โดยไม่กล้าเปลี่ยนแปลงอะไร
แม่เภาจึงเป็นเหมือนตัวแทนของคนที่กล้าต่อสู้กับคนที่ทำผิดต่อผู้อื่นในแง่ของความเป็นธรรม ไม่ใช่ในแง่ของกฏหมาย แม่เภาไม่เคยมองข้ามแม้กระทั่งความไม่เป็นธรรมเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น คนขายหนังสือห่อหนังสือด้วยพลาสติกอย่างมิดชิด โดยไม่ยอมให้คนซื้อเปิดดูข้างในก่อน เป็นต้น
อยากให้โลกนี้มีคนอย่างแม่เภาเยอะๆ
.....
ประเภท เรื่องสั้น ความเรียง
เขียนโดย ประภาส ชลศรานนท์
ปี 2553
สำนักพิมพ์ เวิร์คพอยท์ พับลิชชิง
เรื่องราวของ แม่เภา หญิงวัยกลางคน นักหนังสือพิมพ์ในต่างจังหว
แม่เภามักมีวิธีการสั่งสอนค
คนที่ถูกเอาเปรียบในบ้านเรา
แต่แม่เภาของเราไม่เป็นอย่า
แม่เภาจึงเป็นเหมือนตัวแทนข
อยากให้โลกนี้มีคนอย่างแม่เ
.....
เทพเจ้าแมว Pandada
"มีปัญหาอะไร ไปหาแพนดาด้า"
ประเภท การ์ตูน นิยายภาพ
เขียนโดย องอาจ ชัยชาญชีพ
ปี 2555
สำนักพิมพ์ เป็ดเต่าควาย
เรื่องราวของ แพนดาด้า ที่ผู้คนต่างเรียกขานกันว่า'เทพเจ้าแมว'
ซึ่งอาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป ลึกลับซับซ้อนยากที่ใครจะไปถึง ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยภยันตราย แต่ถึงแม้จะยากลำบาก ผู้คนที่มีความคับข้องใจในชีวิต ต่างก็พยายามที่จะไปให้ถึงดินแดนแห่งนั้น เพียงเพื่อให้ได้พบกับ 'ท่าน' ผู้นั้น เพราะทุกคนเชื่อว่า แพนดาด้า จะสามารถคลี่คลายปัญหาคับข้องใจในชีวิตให้พวกเขาเหล่านั้นได้ ดังคำกล่าวที่บอกเล่าต่อๆ กันมาว่า "มีปัญหาอะไร ไปหาแพนดาด้า"
แต่ถึงแม้จะเป็นถึงเทพเจ้า แต่ท่านก็ยังคงมีนิสัยของความเป็นแมว คือรักความเป็นส่วนตัว เกลียดความวุ่นวาย เทิดทูนความรื่นรมย์ และบูชาความเกลียดคร้าน
"เทพเจ้าแมว แพนดาด้า" การ์ตูนแฝงปรัชญา เปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และอารมณ์ขัน มีลายเส้นที่เรียบง่าย ดูแล้วสบายตา
อย่างที่บอกว่า แมวก็ยังคงเป็นแมว เทพเจ้าแมว จึงมีวิธีการตอบคำถาม หรือแก้ปัญหาให้ผู้คนที่มีความทุกข์ในแบบที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งบางเรื่องก็เหมือนไม่ได้แก้อะไรเลย เพียงแต่ผู้คนเหล่านั้นอาจมีทางแก้ไขอยู่แล้ว แต่กลับมองข้าม หรือหลงลืมไป ท่านเพียงเตือนสติเขาเหล่านั้นให้รับรู้
ท่านยังฝากบอกทุกคนว่า "ความสุข คือความทุกข์ที่ผ่อนคลาย"
.....
ประเภท การ์ตูน นิยายภาพ
เขียนโดย องอาจ ชัยชาญชีพ
ปี 2555
สำนักพิมพ์ เป็ดเต่าควาย
เรื่องราวของ แพนดาด้า ที่ผู้คนต่างเรียกขานกันว่า
ซึ่งอาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป ลึกลับซับซ้อนยากที่ใครจะไป
แต่ถึงแม้จะเป็นถึงเทพเจ้า แต่ท่านก็ยังคงมีนิสัยของคว
"เทพเจ้าแมว แพนดาด้า" การ์ตูนแฝงปรัชญา เปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสร
อย่างที่บอกว่า แมวก็ยังคงเป็นแมว เทพเจ้าแมว จึงมีวิธีการตอบคำถาม หรือแก้ปัญหาให้ผู้คนที่มีค
ท่านยังฝากบอกทุกคนว่า "ความสุข คือความทุกข์ที่ผ่อนคลาย"
.....